Monday, February 27, 2012

โรคจากการประกอบอาชีพ

โรคจากการประกอบอาชีพ
โรคจากการประกอบอาชีพ โรคระบบหายใจ โรคผิวหนัง โรคมะเร็ง
โรคระบบหายใจจากการประกอบอาชีพ เป็นโรคที่พบได้บ่อย เนื่องจากสารพิษที่เข้าสู่ร่างกาย ทางระบบทางเดินในรูปอนุภาค
ซึ่งสามารถเข้าสู่ระบบหายใจในระดับต่างๆ ตามขนาดของอนุภาค และทำให้เกิดโรคได้ตั้งแต่ระบบหายใจส่วนต้น เช่น ทำให้
มีอาการอักเสบของเยื่อบุจมูก เป็นหวัด เจ็บคอ จนถึงระบบหายใจส่วนปลาย ซึ่งทำให้เกิดโรคนิวไมโคนิโอสิสชนิดต่างๆ
นอกจากนี้อนุภาคเหล่านี้อาจไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้หลั่งสารออกมากระตุ้นให้เกิดการตีบของหลอดลม
ทำให้เป็นโรคหอบหืด หรือมีการหลั่งน้ำออกมาในถุงลมทำให้เป็นปอดอักเสบได้
ความสำคัญของโรคระบบหายใจจากการประกอบอาชีพ
ปอดเป็นอวัยวะที่ใช้ในการหายใจ ดังนั้นเมื่อเป็นโรคปอดไม่ว่าจากสาเหตุใด จะทำให้เกิดอาการไอ หอบ ไม่สามารถออกแรง
หรือทำงาน จนกระทั่งหายใจตามปกติได้ โรคปอดจากการประกอบอาชีพ เป็นแล้วไม่หาย
โรคระบบทางเดินหายใจส่วนต้นนั้นวินิจฉัยยาก เช่น อาการน้ำมูกมากจากการระคายเคืองทำให้วินิจฉัยผิดว่าไม่ได้เกิดจากการ
ประกอบอาชีพ
กลไกการเกิดโรคของโรคระบบหายใจจากการประกอบอาชีพ เกิดตั้งแต่การหายใจเอาสารเคมีเข้าไปในในระบบหายใจ ในรูป
อนุภาคในขนาดต่างๆ กัน ถ้าขนาดต่ำกว่า 3 ไมครอนก็จะเข้าสู่หลอดลมส่วนปลาย และสมารถเข้าไปในถุงลมได้ อนุภาค
เหล่านี้ทำให้เกิดอาการระคายเคืองตั้งแต่จมูก ส่วนหลังของจมูก หลอดเสียง ท่อลม หลอดลม และถุงลม ทำให้เกิดอาการ
ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจส่วนต้น เกิดการตีบตัวของหลอดลมเกิดการอักเสบภายในปอด ถุงลม ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ
ของระบบหายใจขึ้น
โรคผิวหนังจากการประกอบอาชีพ เกิดจากการระคายเคืองในชนิดต่างๆ ของสารเคมีที่ผิวหนังทำให้มีการอักเสบเกิดขึ้น ซึ่ง
การระคายเคืองนี้ขึ้นกับความสามารถในการละลายในน้ำหรือไขมันของสารเคมีนั้นๆ และความสามารถในการแทรกตัวลงไป
ในชั้นของผิวหนัง นอกจากสารเคมีที่ทำให้เกิดการอักเสบแล้ว ยังมีเชื้อโรคชนิดต่างๆ และปัจจัยทางกายภาพ ที่เกิดซ้ำกันที่
ผิวหนังทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังที่ผิวหนัง การระคายเคืองที่ผิวหนังสามารถแบ่งเป็นสองแบบคือ การระคายเคืองและแบบ
ภูมิแพ้ ซึ่งมีกลไกการเกิดโรคต่างกัน
โรคผิวหนังอักเสบชนิดที่ไม่ใช่แบบระคายเคืองและภูมิแพ้เกิดจากการสัมผัสกับสิ่งคุกคามหลายชนิดซึ่ง ไม่แตกต่างกับแบบ
ระคายเคืองและภูมิแพ้ เพียงแต่กลไกการเกิดการอักเสบนั้นแตกต่างกันเท่านั้น
โรคมะเร็งจากการประกอบอาชีพ เกิดเนื่องจากผลของสารเคมีโดยตรงต่อกระบวนการแบ่งตัวของเซลล์ คือในระดับดีเอ็นเอ มี
สารเคมีหลายตัวก่อให้เกิดมะเร็งในตำแหน่งต่างๆ กันของร่างกาย กลไกการเกิดมะเร็งจะต้องมีเซลล์ต้นกำเนิด ซึ่งกว่าจะ
เกิดขึ้นใช้เวลานานเป็นสิบปี และจะต้องมีการส่งเสริมให้เกิดการแบ่งตัวจนเกิดเป็นมะเร็งและมีอาการซึ่งต้องใช้เวลานานเป็น
สิบปีอีก ดังนั้นการเกิดโรคมะเร็งจากการทำงานจะต้องใช้เวลานานเป็นสิบปีหลังจากมีการสัมผัสสารที่ก่อมะเร็งนั้น
โรคมะเร็งจากการประกอบอาชีพต้องใช้เวลานานเป็นสิบถึงยี่สิบปีกว่าจะแสดงอาการขึ้นกับขนาดของสารก่อมะเร็งที่
สัมผัส การเกิดเซลล์ต้นกำเนิด ในระยะกระตุ้น และระยะสร้างเสริม
ขั้นตอนของการเกิดสารมะเร็งได้แก่ initiation promotion , transformation และ progression โดยขั้นตอนจาก initiation ไปยัง
promotion ใช้เวลายาวที่สุด
โรคทางเดินหายใจจากการประกอบอาชีพ
โรคนิวโมโคนิโอสิส เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่ออนุภาคของสารเคมีที่เข้าไปในร่างกายที่ถุงลมปอด ทำให้เกิดพังผืดภายใน
ปอด โรคที่รู้จักกันดีได้แก่ ซิลิโคสิสซึ่งเกิดจากผลึกซิลิกา เกิดจากอาชีพที่ทำงานเกี่ยวกับการระเบิดการแต่งหิน อาการจะค่อย
เป็นค่อยไป มีได้ตั้งแต่หลังเข้าทำงาน 6 เดือนจนถึงหลังทำงานแล้ว 15 ปี ตามแต่มลพิษของฝุ่นหินในสภาพแวดล้อมการ
ทำงาน อาการ ได้แก่ อาการของโรคปอดชนิดขยายตัวจำกัด มีอาการเหนื่อยหอบเวลาออกแรง บางรายเป็นวัณโรคปอด การ
วินิจฉัยโดยใช้ภาพรังสีปอดพบลักษณะเปรียบเทียบกับภาพรังสีปอดมาตรฐานขององค์กรแรงงานระหว่างประเทศ โรคนี้
รักษาไม่หาย ส่วนใหญ่อาการจะเป็นต่อไปจนหอบเหนื่อยมาก การควบคุมป้องกันโดยการจัดการด้านวิศวกรรม การระบาย
อากาศและการใช้เครื่องป้องกันส่วนบุคคล
โรคปอดฝุ่นหินแบ่งเป็น 3 ชนิดได้แก่ แบบเฉียบพลัน แบบเร่ง และแบบเรื้อรัง โดยอาการแสดงจะเป็นอาการของโรคปอด
ขยายตัวแบบจำกัด (Restrictive lung) มีอาการเหนื่อยหอบเมื่อออกแรงไอ อาจมีวัณโรคปอดร่วมด้วย และโรคมะเร็งปอด
ทำอย่างไรจึงจะไม่เป็นโรค วิธีที่ดีที่สุดคือพยายามไม่ให้มีฝุ่นหิน ถ้าจัดการไม่ได้ก็ต้องมีอาการระบายอากาศทีดี หรือมีเครื่อง
ป้องกันส่วนบุคคลที่ดี มีสุขภาพที่ดี โรคปอดฝุ่นหินรักษาไม่หาย การป้องกันไม่ให้มีการสัมผัส เป็นวิธีที่ดีที่สุด
การวินิจฉัยโรคปอดฝุ่นหิน ได้แก่ การซักประวัติการสัมผัส ระยะเวลาการสัมผัส กรถามอาการ และการตรวจร่างกาย และการ
ตรวจภาพรังสี (X-ray) ปอดซึ่งต้องเปรียบเทียบกับฟิลม์ของ ILO (International labororganization)
โรคแอสเบสตอสโตสิส และโรคอื่นที่เกี่ยวข้องเกิดจากการสัมผัสเส้นใยแอสเบสตอสพบในอาชีพหลายอย่าง เช่น การทำ
ฉนวน ฝ้าเพดาน แอสเบสตอสมีลักษณะเป็นเส้นใยจึงเข้าไปติดในถุงลมและมีการดำเนินโรคเช่นเดียวกับซิลิโคสิส จะมีผนัง
เยื่อหุ้มปอดหนาตัว และเปน็ มะเร็งของเยื่อหุ้มปอดซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะโรคได้ การวินิจฉัยโดยอาศัยอาการของโรคปอดเป็น
พังผืด และทำการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดจะพบผนังเยื่อหุ้มปอดหนาตัวขึ้นการควบคุมป้องกันใช้วิธีเดียวกับการป้องกัน
เกี่ยวกับโรคปอดจากการประกอบอาชีพทั่วไป วิธีที่ดีที่สุดคือเลิกใช้ และหันมาใช้วัสดุอื่นที่อันตรายน้อยกว่าแทน
การวินิจฉัยโรคปอดใยหินได้จากประวัติการสัมผัสใยหิน ขนาดของใยหินในบรรยากาศที่เกินค่ามาตรฐานที่กำหนด
ระยะเวลาการสัมผัส การใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล การซักประวัติอาการของโรคปอด การซักประวัติการ
สูบบุหรี่ การตรวจร่างกาย การตรวจรังสีปอด นอกจากนี้การตรวจด้วยเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์โดยวิธี High resolution
(HR-CT) ยังช่วยในการวินิจฉัยโรคในระยะเริ่มต้นด้วย การรักษาโรคปอดใยหินเป็นการรักษาแบบประคับประคองเนื่องจาก
ไม่สามารถรักษาหรือกู้ปอดที่เสียกลับคืนมาได้ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการไม่ใช้แอสเบสตอสในการทำวัตถุดิบ
โรคบิสซิโนสิส เกิดจากการหดเกร็งของท่อลมในปอดทำให้ตรวจพบมีการหายใจเสียงหวีดขณะหายใจออก เกิดในขณะทำงาน
เนื่องจากมีการสัมผัสสารก่ออาการส่วนใหญ่การเกิดโรคเกิดจากปฏิกิริยาภูมิไวเกิน ในระยะแรกจะมีอาการเฉพาะเวลาที่มีการ
สัมผัสเช่นเวลาทำงาน ต่อมาเมื่อมีการสัมผัสทีละน้อยเป็นเวลานานๆ ก็จะมีอาการตลอดเวลากลายเป็นโรคหอบหืด โรคบิสซิ
โนสิสเป็นโรคหอบหืดจากการประกอบอาชีพที่เกิดจากการสัมผัสเส้นใยฝ้าย ป่านปอหรือลินิน ซึ่งเป็นเส้นใยธรรมชาติทำให้
เกิดอาการหอบหือ โดยมีลักษณะพิเศษคือ จะเป็นในวันแรกของการเข้าทำงาน วินิจฉัยโดยซักประวัติ ตรวจอาการ และทำการ
ตรวจสมรรถภาพปอดพบมีลักษณะปอดอุดกั้น การรักษาโดยใช้ยาขยายหลอดลม และย้ายออกจากงาน
อาการ บิสซิโนสิส เป็นโรคที่เกิดจากการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของใยฝ้าย ป่าน ปอ และลินิน ดังนั้นอาการจึงเกิดในวันแรกที่เข้า
ทำงาน มีการแบ่งอาการของโรคหลายแบบ อาการแสดง ได้แก่ อาการของหลอดลมตีบ มีอาการหอบหืด การตรวจหน้าที่ของ
ปอดเป็นแบบอุดกั้น
โรคหอบหืดจากการทำงานชนิดอื่นๆ เกิดจากสารชีวภาพและสารเคมีที่มีน้ำหนักโมเลกุลต่างๆ กันสารเหล่านี้ทำให้
เกิดปฏิกิริยาในหลอดลมเช่นเดียวกับที่อธิบายไปในโรคบิสสิโนสิส การทำงานร่วมกับสารเหล่านี้จะทำลายสมรรถภาพปอด
ไปทีละน้อย ในที่สุดจะกลายเป็นโรคหอบหืดได้เร็วขึ้น
โรคภูมิไวเกินของหลอดลม เกิดจากการกระตุ้นของสารเคมี แต่เป็นแบบล่าช้าทำให้เกิดอาการภายหลังจากที่สัมผัสสารเคมี
นั้น มีความสำคัญเนื่องจากบางครั้งเมื่อสัมผัสไม่มีอาการแต่เมื่อกลับบ้านกลับไปมีอาการที่บ้านทำให้เข้าใจผิดว่าไม่ได้เกิดจาก
การทำงานหรือเกิดจากสารเคมีที่สัมผัส
โรคการระคายเคืองทางเดินหายใจส่วนบนจากการปะกอบอาชีพ ลักษณะการเกิดเช่นเดียวกับการเกิดหอบหืด เป็นได้ทั้งแบบ
ระคายเคืองและแบบภูมิแพ้ มีอาการแน่นจมูก คอแห้ง แสบคอ ไอ การตรวจพิสูจน์ค่อนข้างยาก การรักษาและควบคุม ป้องกัน
คล้ายกับโรคปอดจากการประกอบอาชีพอื่นๆ
อาการของการระคายเคืองและโรคทั่วไปจะคล้ายกัน ได้แก่ มีอาการเคืองตา แสบตา มีน้ำมูกไหลเจ็บคอ แต่สามารถแยกได้
จากการที่มีหลายคนเป็นพร้อมกัน ระบบระบายอากาศในที่ทำงานไม่ดี มีสารก่อภูมิแพ้ ในอาคาร มีอาการบ่อยครั้งมาก
โดยเฉพาะเมื่อทำงาน
โรคผิวหนังจากการประกอบอาชีพ
โรคผิวหนังอักเสบการสัมผัสแบบระคายเคือง เป็นโรคผิวหนังอักเสบที่พบบ่อยที่สุดในโรคผิวหนังที่เกิดจากการประกอบ
อาชีพ ลักษณะสำคัญที่จะมีอาการบริเวณที่มีการสัมผัส ได้แก่ บริเวณนอกร่มผ้า ในระยะเฉียบพลันจะมีอาการบวมแดง
อักเสบ ระยะเรื้อรังจะหนา แห้ง และแตก ดารรักษาไม่ให้มีการสัมผัสและให้ยาประเภทสเตียรอยด์
สามารถแบ่งระยะของผิวหนังอักเสบจากการระคายเคืองตามกลไกการเกิดโรคหรือความรุนแรงหรือระยะเวลาการสัมผัส
ถ้ามีการสัมผัสขนาดมากในระยะอันสั้นก็จะเป็นโรคผิวหนังอักเสบจากการระคายเคืองแบบฉับพลัน ซึ่งจะมีอาการแดง ลอก
และมีน้ำใต้ผิวหนัง แต่ถ้าสัมผัสขนาดน้อยเป็นระยะเวลานานก็จะเป็นแบบเรื้อรัง ซึ่งผิวหนังจะหนาเป็นเกร็ด
การวินิจฉัย โรคผิวหนังอักเสบสามารถวินิจฉัยจากประวัติการสัมผัส อาการแสดงนอกร่มผ้า ในบริเวณที่สัมผัส
โรคผิวหนังอักเสบจากการสัมผัสชนิดภูมิแพ้ ลักษณะการเกิดคล้ายโรคผิวหนังอักเสบแบบระคายเคืองแต่กลไกการเกิดนั้น
เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำให้มีอาการ อาการจะเริ่มบริเวณสัมผัสแล้วขยายลุกลามออกไป ถ้าสัมผัสบ่อยครั้ง ก็จะทำให้
เกิดโรคถาวรที่ผิวหนังได้การรักษานั้นทำได้เช่นเดียวกัน
การป้องกัน โดยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ การวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง ซึ่งบางครั้งเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผื่นแพ้หรือ
ลมพิษจากสาเหตุอื่นเนื่องจากไม่ได้เกิดในบริเวณที่สัมผัส
โรคด่างขาวจากการทำงาน มีลักษณะชัดเจนคือเกิดการจางของสีผิวหนังเป็นวงมีขอบชัด ส่วนใหญ่เกิดนอกร่มผ้า กลไกการ
เกิดจากปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันไปทำลายเม็ดสีใต้ผิวหนังทำให้ผิวหนังมีสีจางลง เกิดจากการสัมผัสสารเคมีหรือการถูไถ เกิดได้
เฉพาะที่หรือเกิดได้ทั้งตัว
โรคมะเร็งจากการประกอบอาชีพ
โรคมะเร็งปอด มีสาเหตุจากสารเคมีอนุภาคหลายชนิดได้แก่ แอสเบสตอส เรดอน คลอโรเมธินอีเธอร์ โพลีอะโรมาติก
ไฮโดรคาร์บอน อาร์เซนิก โครเมียม นิกเกิล โรคมะเร็งปอดส่วนมากจะไม่สามารถแยกโรคได้จากมะเร็งปอดที่พบในสาเหตุ
ทั่วไป อย่างไรก็ตามจากประวัติการสัมผัสทำให้สามารถวินิจฉัยว่าเกิดจากการทำงาน ประวัติที่ทำให้วินิจฉัยยากคือ ประวัติ
การสูบบุหรี่ ส่วนใหญ่เมื่อวินิจฉัยก้อนจะโตมากแล้ว และผู้ป่วยจะถึงแก่กรรมในเวลาไม่นาน
อาการและอาการแสดงของโรคมะเร็งปอด ทั้งจากการประกอบอาชีพและจากสาเหตุอื่นจะเหมือนกันคือมีอาการของการ
ระคายเคืองของเยื่อหุ้มปอด หลอดลม ถุงลมในปอด ทำให้มีอาการหอบเหนื่อย ไอเป็นเลือด นอกจากนี้มะเร็งปอดยังสามารถ
แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นทำให้มีอาการของอวัยวะนั้นๆ


No comments:

Post a Comment